ปาล์มหายากณสวนสะสมพันธุ์ปาล์มนานาชาติที่ริเวอร์เเควรีโซเทลรีสอร์ทที่พักอ. ไทรโยคริมเเม่น้ำเเควน้อยจ. กาญจนบุรี
1. ลานมาดากัสการ์
ปาล์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก: Tahina spectabilis เป็นสายพันธุ์ปาล์มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในพืชที่หายากที่สุดในโลก พบเฉพาะในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Tahina spectabilis
- ชื่อสามัญซ: ลานมาดากัสการ์
- ประเภท: ปาล์มต้นเดี่ยว
- ความสูง: สูงได้ถึง 18 เมตร ความสูงที่สวยงามอยู่ในช่วง 1 – 3 เมตร
- ลำต้น: เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร
- ใบ: ใบเดี่ยว ขอบใบจักตื้น แผ่นใบกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ปลายใบจักเว้าเป็นสองแฉก ใต้ใบมีนวลสีขาว ก้านใบยาว 50 เซนติเมตร
- ช่อดอก: ดอกสมบูรณ์เพศ ออกระหว่างกาบใบ ช่อแผ่กระจายยาว 50 เซนติเมตร
- ผล: ผลรวม ขนาดใหญ่ถึง 6 เซนติเมตร มีเปลือกแข็งคล้ายเนื้อไม้แตกเป็นสะเก็ด เมื่อสุกสีน้ำตาล
- ดิน: ดินอุดมสมบูรณ์
- แสงแดด: รำไร
- ขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด ใช้เวลานาน 6 – 8 เดือนจึงงอก
- การใช้งานและอื่นๆ: ควรปลูกในบริเวณที่ไม่มีลมพัดแรง แผ่นใบจะได้ไม่แตก
ความสัมพันธ์กับปาล์มลาน:
- Tahina spectabilis มีความใกล้เคียงกับปาล์มลานที่พบในบ้านเรา เพราะมีลักษณะการออกดอกที่ยอดแล้วตาย
การตั้งชื่อ:
- ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Tahina spectabilis ได้รับการตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ Anne-Tahina Metz ลูกสาวของนักค้นพบและมีความสัมพันธ์กับปาล์มลานที่พบในบ้านเรา
2. Pelagodoxa henryana ปาล์มเฮนรี่
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Pelagodoxa henryana Becc.
ชื่อสามัญ: ปาล์มเฮนรี่ “Henry Palm”
สถานที่พบ: ปาปัวนิวกีนี
ลักษณะพันธุ์:
- ประเภท: เป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่เจริญเติบโตอยู่บนหนามเกาะปาปัว
- ความสูง: สามารถขยายตัวได้สูงถึง 8 เมตร แต่ความสวยงามของต้นอยู่ในช่วงความสูง 1 – 3 เมตร
ลำต้นและใบ:
- ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่มีความหนาแน่นเพียง 15 เซนติเมตร
- ใบเป็นแบบใบเดี่ยว ขอบใบมีลักษณะเป็นจักตื้น แผ่นใบกว้างถึง 1 เมตร ยาวถึง 2 เมตร ปลายใบมีลักษณะเป็นสองแฉก ใต้ใบมีผิวนวลสีขาว และก้านใบยาวถึง 50 เซนติเมตร
ดอกและผล:
- ช่อดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกระหว่างกาบใบ และช่อดอกมีความยาวถึง 50 เซนติเมตร
- ผลมีขนาดใหญ่ถึง 6 เซนติเมตร มีเปลือกแข็งคล้ายเนื้อไม้แตกเป็นสะเก็ด และเมื่อสุกจะมีสีน้ำตาล
สภาพแวดล้อมที่เหมาะ:
- ปาล์มเฮนรี่ต้องการดินอุดมสมบูรณ์
- ต้องการแสงแดดมากน้อยแต่มีความเรียบร้อย
- การขยายพันธุ์จากเมล็ดแต่ต้องใช้เวลานาน 6 – 8 เดือนจึงจะงอก
3. Pholidocarpus macrocarpus
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pholidocarpus macrocarpus
ชื่อสามัญ: กะเปา (นราธิวาส)
ตระกูล: พืชในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae)
สถานที่ค้นพบเเละถิ่นกำเนิด: จ.นราธิวาส ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีจำนวนประชากรลดลงเนื่องจากมีการบุกรุกป่า กะเปาเป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่สามารถสูงได้ถึง 20 เมตร โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นมีความยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร ใบของกะเปามีลักษณะคล้ายใบนิ้วมือแกมขนนกและเอนหรือ
ห้อยลง ที่ กาบใบแยกต่ำขอบกาบใบจะมีใยสีน้ำตาลอมแดง ส่วนก้านใบยาวประมาณ 1.6-2.5 เมตร และขอบใบมีหนามแหลมสีน้ำตาล ใบเป็นรูปเกือบกลม ขนาดใบประมาณ 2 เมตร และแบ่งเป็นใบย่อยประมาณ 45-55 ใบ ช่อดอกของกะเปาออกเมื่อต้นยังอยู่ระหว่างกาบใบ รวมยาวของช่อดอกอาจถึง 2 เมตร ผลของกะเปามีรูปทรงกลมและมีลักษณะคล้ายไข่กลับ มีสีน้ำตาลและผิวขรุขระ ปาล์มชนิดนี้ชอบที่ชื้นแฉะ และนิยมปลูกเป็นต้นไม้ประดับในสวนและบ้านของคนในท้องถิ่นที่มีสภาพอากาศเหมาะสม
4. ปาล์มสองทาง / หมากนเรศวร
ชื่อวิทยาศาสตร์: Wallichia disticha T. Anderson
ชื่อสามัญ: ปาล์มนเรศวร
วงศ์: PALMAE (วงศ์ปาล์ม)
ปาล์มนเรศวรเป็นพืชปาล์มที่มีลำต้นเดี่ยวและไม่แตกกอ มีความสูงระหว่าง 5-8 เมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นมีขนาดประมาณ 20-30 เซนติเมตร เฉพาะที่น่าสนใจคือปาล์มนเรศวร คือจะออกดอกและผลเพียงครั้งเดียวก็จบชีวิตไปเลย นี่เป็นลักษณะที่ไม่เจอในปาล์มชนิดอื่นในธรรมชาติของประเทศไทย และมีรูปร่างใบที่น่าสนใจ เนื้อใบสลับระหว่างด้านข้างของลำต้นเป็นรูปพัด ปลายใบย่อยมีลักษณะคล้ายฟันสัตว์กัดแทะ ดอกของพืชนี้แบ่งเพศออกเป็นดอกผู้และดอกเมียโดยอยู่บนช่อดอกเดียวกัน ช่อดอกเป็นส่วนที่น่าสนใจอีกด้วย มีแขนงช่อออกเป็นแถวที่ชิดกันและยาวถึง 1.5-2 เมตร ดอกเล็กๆ จำนวนมากจับติดอยู่บนแขนงของช่อดอกโดยไม่มีก้านดอกแยกออกมา
เขตที่ค้นพบและถิ่นกำเนิด: พืชปาล์มนเรศวรพบได้เฉพาะในประเทศไทยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ภายในจังหวัดกาญจนบุรี ในป่าเบญจพรรณโปร่ง บริเวณภูเขาหินปูนที่ราบเขาสูงอยู่ระดับความสูง 500-800 เมตร นอกจากนี้ พืชปาล์มนี้ยังพบในประเทศพม่า มีระยะเวลาการออกดอกและผลเกิดระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม
สถานภาพ: ปาล์มนเรศวรเป็นพืชที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากการทำลายที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมธรรมชาติและทรัพยากรของพื้นที่ที่มันอาศัยอยู่ การค้นพบและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาพันธุ์ของพืชนี้เพื่อให้มีโอกาสในการอนุรักษ์และดูแลรักษาไว้ในธรรมชาติในอนาคตของเรา
ปัจจุบัน ปาล์มนเรศวร ปาล์มหายากนี้ ตั้งอยู่กลางที่พัก ริเวอร์เเควรีโซเทล รีสอร์ท ให้ผู้ที่เข้ามาเที่ยวกาญจนบุรี เเละเข้าพักได้ชื่นชมกัน
5. ปาล์มเจ้าเมืองถลาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Kerriodoxa Elegans Dransfield
ชื่อสามัญ : Talang Queen Palm / White Elephant Palm
ปาล์มพระยาถลางทังหลังขาวชิงหลังขาว เป็นปาล์มชนิดเดียวในสกุล Kerriodoxa พบอยู่เฉพาะในภาคใต้ของประเทศไทย ลักษณะของปาล์มนี้เป็นปาล์มลำเดี่ยวขนาดกลาง สามารถสูงได้ถึง 12 เมตร โตเต็มทรงเป็นกลุ่มใหญ่ ใบมีลักษณะคล้ายใบนิ้วมือสีเขียวเข้ม แผ่ออกมาจำนวน 25-35 ใบ ด้านล่างของใบมีสีขาวเป็นมันคล้ายใบตาลทรงคล้ายพัด ก้านใบเรียบไม่มีหนาม ก้านใบมีสีเกือบดำและยาวได้ถึง 2 เมตร ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ 2-4 ช่อ ผลมีรูปทรงกลมแบนสีเหลืองอมส้ม ดอกออกเป็นยวงสีขาวนวลซึ่งจะเริ่มออกตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ผลอ่อนจะมีลักษณะกลมเกลี้ยงและมีเปลือกสีเหลืองคล้ายลางสาด ผลสุกจะมีสีเหลืองแก่และจะร่วงลงพื้นดินเพื่อเริ่มต้นการเจริญเติบโตใหม่
ปาล์มเจ้าเมืองถลางเป็นปาล์มที่ไม่มีหน่อและเจริญเติบโตในรูปแบบของลำต้นเดี่ยว ลำต้นสูงได้ประมาณ 3-4 เมตร ก้านใบมีลักษณะกลมเกลี้ยงและมัน ยาวประมาณ 2-3 เมตร ใบมีรูปทรงพัดกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางคล้ายนิ้วมือ ขนาดประมาณ 1.5-2 เมตร ขอบใบโค้งลงบริเวณปลายใบแบบแฉกละเอียด ด้านบนของใบมีสีเขียวอ่อนและมัน ในขณะที่ด้านล่างของใบมีสีเงิน ช่อดอกของปาล์มนี้ออกเมื่อต้นอยู่ระหว่างกาบใบ และมักจะมี 2-4 ช่อดอก ผลของปาล์มเจ้าเมืองถลางมีรูปทรงกลมแบนและมีสีเหลืองอมส้มเมื่อสุกแก่ ส่วนดอกจะออกเป็นยวงสีขาวนวลและมักจะออกในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ปาล์มนี้มีการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และการหายากและหาได้ยากในธรรมชาติ เป็นต้นไม้ที่แยกเพศเป็นต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย และดอกของมันไม่บานพร้อมกัน
ปาล์มเจ้าเมืองถลางเป็นปาล์มลำต้นเดี่ยวที่มีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ ปาล์มชนิดนี้มีความสัมพันธ์กับปาล์มลานที่พบในบริเวณบ้านเราและได้รับการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ Kerriodoxa elegans และชื่อสามัญ White Elephant Palm และ King Thai palm โดยชื่อทางวิทยาศาสตร์นี้ได้รับเกียรติแก่ Dr. A.F.G. Kerr นักพฤษศาสตร์ผู้ค้นพบปาล์มชนิดนี้เป็นคนแรกในการศึกษาพรรณไม้ของไทยในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1902-1903 ปาล์มนี้ถือเป็นพันธุ์ไม้ที่ถิ่นเดียวของประเทศไทยและทั่วโลก และมีชื่อพื้นเมืองอีกหลายชื่อ เช่น ปาล์มเจ้าเมืองถลาง ปาล์มหลังขาว ทังหลังขาว และ ชิงหลังขาว และชื่อสามัญ White Elephant Palm และ King Thai palm ส่วนความสัมพันธ์กับปาล์มลานมีอยู่เนื่องจากมีคล้ายคลึงในการออกดอกที่ยอดแล้วตายในบางกรณี
ปัจจุบัน ปาล์มเจ้าเมืองถลางในสวนสะสมพันธุ์ปาล์มนานาชาติ ที่ ริเวอร์เเควรีโซเทล รีสอร์ท ได้หยั่งรากลึกลงไปอย่างเเข็งเเรง ใบใหญ่สานกันคล้ายอุโมงค์ เว้นตรงกลางให้คนเดินลอด กลายเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินยอดนิยมอีกจุดหนึ่งของที่พักริมเเม่น้ำเเควน้อย จ. กาญจนบุรี เเห่งนี้
การตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์:
- ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Kerriodoxa elegans ได้รับการตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ Dr. A.F.G. Kerr นักพฤษศาสตร์ผู้ค้นพบปาล์มชนิดนี้เป็นคนแรกในการศึกษาพรรณไม้ของไทยในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1902-1903
ความหาได้ยากและความเป็นเอกลักษณ์:
- ปาล์มเจ้าเมืองถลางเป็นปาล์มที่มีความหาได้ยากและความเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากมีลักษณะทางกายภาพและการขยายพันธุ์ที่ไม่เหมือนใครและมีความสัมพันธ์กับปาล์มลานที่พบในบริเวณบ้านเรา